7 เทคนิคการใช้ ZohoCRM

7 เทคนิคการใช้ ZohoCRM

7 เทคนิคการใช้ ZohoCRM

0

min read

คุณเคยไหม… ซื้อ ZohoCRM มาแล้ว แต่เหมือนใช้แค่ 10% ของความสามารถจริง?

เปิดหน้าจอเข้าไปก็ยังงงๆ ว่าต้องเริ่มจากตรงไหนดี ระบบมีฟีเจอร์เพียบจนเลือกไม่ถูก

สุดท้ายก็ใช้แค่เซฟชื่อลูกค้า สร้างดีลนิหน่อย แล้วที่เหลือก็ปล่อยผ่าน

หากคุณเคยรู้สึกแบบนี้ บทความนี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยน ZohoCRM จาก “แค่โปรแกรมเซฟข้อมูล” ให้กลายเป็นเครื่องมือขายสุดแกร่ง ที่จะช่วยให้ทีมมีผลงานโดดเด่นกว่าคู่แข่งในเวลาอันรวดเร็ว

นี่คือ 7 เทคนิคการใช้ ZohoCRM ที่มืออาชีพเลือกใช้จริง  

ลองนำไปปรับใช้ รับรองว่าเวิร์คแน่นอนครับ!

---

1. ใช้ Custom Fields ให้ตรงกับธุรกิจคุณจริงๆ

ZohoCRM มีฟิลด์ (Field) พื้นฐานไว้ให้ครบ แต่ธุรกิจแต่ละที่มีข้อมูลสำคัญเฉพาะตัว

ถ้าคุณยังกรอกข้อมูลลูกค้าแค่ชื่อ-นามสกุล-เบอร์โทร อันนี้จะเสียโอกาสใหญ่

**เทคนิคนี้ช่วยอย่างไร?**

- กำหนดฟิลด์ที่จำเป็น เช่น ประเภทธุรกิจ งบประมาณ ระยะเวลาตัดสินใจ ฯลฯ

- เพิ่ม Custom Field ที่ทีมขายของคุณต้องใช้จริงๆ

- ลดปัญหาข้อมูลตกหล่น ภาพรวมทีมขายจะ “แม่นยำ” กว่าเดิม

**ตัวอย่าง**

> ถ้าคุณขาย Software B2B อาจสร้างฟิลด์ “ขนาดพนักงาน” หรือ “ระบบคู่แข่งที่ใช้”  

> นี่จะทำให้ทีมขายปิดดีลง่ายขึ้นหลายเท่า

---

2. ตั้งอัตโนมัติ Workflow: ประหยัดเวลาทีมขายไปได้ครึ่งหนึ่ง

งาน Routine น่าเบื่อๆ เช่น ส่งเมลแจ้งรับเคส, อัพเดทสถานะ, หรือย้าย Lead ไปขั้นตอนถัดไป  

ZohoCRM ช่วยคุณทำสิ่งเหล่านี้แบบอัตโนมัติ 100% ด้วย Workflow

**Workflow พื้นฐานที่ห้ามพลาด เช่น**

- อีเมลแจ้งเตือนเมื่อลูกค้าใหม่ถูกสร้างขึ้น  

- เปลี่ยนสถานะ Deal อัตโนมัติจาก “Prospect” เป็น “Qualified” เมื่อชนะดีล

- สร้าง Task ให้ทีมขายเมื่อลูกค้าเปลี่ยนขั้นตอน

วัยรุ่นขายยุคใหม่ ไม่ควรเสียเวลาทำงานเดิมๆ ทุกวันครับ!  

ลองตั้ง Workflow ง่ายๆ สัก 2-3 เรื่อง ใช้ไม่ยากแต่ช่วยทุ่นเวลาอย่างมาก

---

3. Segmentation: แยกกลุ่มลูกค้าแบบมือโปร

ลูกค้าทุกคนไม่เหมือนกัน  

ZohoCRM ให้คุณ “Tag” และ “Filter” ลูกค้า เพื่อแยกกลุ่มและทำ Campaign แบบ Personalize ได้ในพริบตา

**ไอเดียการ Segmentation:**

- กลุ่มลูกค้าขายซ้ำ (Repeat) vs ลูกค้าใหม่

- ผู้มีโอกาสตอบสนองต่อโปรโมชั่นสูง

- ลูกค้า VIP หรือ Top Spender

**ประโยชน์ของการแบ่งกลุ่ม**

- ส่งอีเมล/ข้อเสนอที่ตรงใจแต่ละกลุ่มยิ่งขึ้น

- ทีมขายใช้ Script ที่เหมาะกับแต่ละตลาด

- วิเคราะห์ยอดขายราย Segment ได้ทันที

---

4. ใช้ Mobile App: ขายที่ไหนก็ได้ อัปเดตข้อมูลไวสุด

จะออกไปพบลูกค้าแต่ยังต้องสลับ Excel, โทรถามทีมว่าคุยถึงไหนแล้ว?

แนะนำให้ลอง ZohoCRM Mobile App!  

เข้าได้ทั้งมือถือ Android/iOS ข้อมูลซิงก์กับทีมแบบเรียลไทม์

**ข้อดีสุดๆ**

- บันทึกโน้ตหลังคุยลูกค้าได้ทันที

- อัพเดทสถานะ Lead, Deal แม้เวลานั่ง Taxi หรือรออาหาร

- สแกนนามบัตรจากมือถือเข้าสู่ CRM ระบบได้เลย ไม่ต้องป้อนมือ

**ใครยังไม่เคยใช้ ลองโหลดแอปซะ ชีวิตทีมขายเปลี่ยนทันที!**

---

5. ใช้ Reports & Dashboard อย่างฉลาด ไม่ใช่แค่อ่านตัวเลข

ZohoCRM มีรีพอร์ตและแดชบอร์ดที่พลิกเกมขายคุณได้  

อย่าใช้แค่ดูรายงานยอดขายจบไปวันๆ

**Tips ที่ควรเริ่มต้น**

- สร้างแดชบอร์ด Top Sales, Deal Win Rate, Pipeline มูลค่าสุดท้าย

- กำหนดรีพอร์ต Lead ที่ยังไม่คืบหน้า หรือ Good Lead ที่ค้างนานเกินไป

- แชร์แดชบอร์ดนี้ให้ทั้งทีม – ทุกคนเห็นเป้าหมายเดียวกัน ช่วยกันดันยอด

> รีพอร์ตดีๆ จะสร้างพลังขับเคลื่อน Sales Team ได้มหาศาล

---

6. เชื่อมต่อ ZohoCRM กับเครื่องมืออื่นๆ แบบไร้รอยต่อ

งานขาย–งานการตลาด–งานซัพพอร์ต มักจะต้องใช้หลายระบบ  

ZohoCRM “Integrate” ได้กับอีเมล (Gmail/Outlook), Google Calendar, WhatsApp, Facebook Lead Ads ฯลฯ

**ข้อดี**

- ทุกช่องทางที่ลูกค้าติดต่อคุณ ถูก Track ใน CRM แบบอัตโนมัติ

- ประวัติการขาย–การตลาด–บริการ เห็นครบในที่เดียว

- ลดการโยกย้ายข้อมูล Excel ไปมา (ปัญหาคลาสสิกของหลายบริษัท)

**เริ่มติดตั้ง Integration พื้นฐานก่อน แล้วค่อยขยายตามความต้องการของทีม**

---

7. ใช้ Blueprint เพิ่มมาตรฐาน กระบวนการขายทุกขั้นตอน

หลายทีมหัวหน้ามักบ่นว่าทีมขายแต่ละคน “ขายกันคนละสาย”  

ใครทำได้แบบไหนก็ทำแบบนั้น ไม่มีมาตรฐาน = โอกาสเสียดีลสูงมาก

ZohoCRM มีฟีเจอร์ “Blueprint” ให้คุณสร้าง Flow งานขายที่ทุกคนต้องเดินตาม  

ตั้งแต่รับ Lead –> ติดตาม –> ทดลองสินค้า –> ส่งใบเสนอราคา –> ปิดการขาย

**Benefits**

- ปิดช่องโหว่ งานไม่ตกหล่น

- ลดความผิดพลาดที่เกิดจากมือใหม่

- พาทีมขายทุกคนไปในทิศทางเดียวกัน

**เริ่มจาก BluePrint พื้นฐาน แล้วปรับเพิ่มให้เหมาะกับธุรกิจคุณทีละนิด**

---

สรุป: ZohoCRM ไม่ใช่แค่เซฟชื่อลูกค้า!

หวังว่า 7 เทคนิคนี้จะช่วยให้คุณปลดล็อกพลังของ ZohoCRM ได้มากขึ้น  

ขอเพียงคุณลองหยุดทำงานแบบเดิมๆ แล้วเปิดใจทดลองใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆ เหล่านี้  

ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือหัวหน้าทีมขาย รับรองว่า CRM ตัวนี้จะไม่ใช่โปรแกรมธรรมดาอีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “อาวุธลับ” ทำให้ทีมของคุณเติบโตเหนือคู่แข่ง

ถ้าพร้อมแล้ว… อยากให้ลองเทคนิคไหนก่อนสุด ลองเลือกดูแล้วลงมือเลยครับ!

คุณเคยไหม… ซื้อ ZohoCRM มาแล้ว แต่เหมือนใช้แค่ 10% ของความสามารถจริง?

เปิดหน้าจอเข้าไปก็ยังงงๆ ว่าต้องเริ่มจากตรงไหนดี ระบบมีฟีเจอร์เพียบจนเลือกไม่ถูก

สุดท้ายก็ใช้แค่เซฟชื่อลูกค้า สร้างดีลนิหน่อย แล้วที่เหลือก็ปล่อยผ่าน

หากคุณเคยรู้สึกแบบนี้ บทความนี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยน ZohoCRM จาก “แค่โปรแกรมเซฟข้อมูล” ให้กลายเป็นเครื่องมือขายสุดแกร่ง ที่จะช่วยให้ทีมมีผลงานโดดเด่นกว่าคู่แข่งในเวลาอันรวดเร็ว

นี่คือ 7 เทคนิคการใช้ ZohoCRM ที่มืออาชีพเลือกใช้จริง  

ลองนำไปปรับใช้ รับรองว่าเวิร์คแน่นอนครับ!

---

1. ใช้ Custom Fields ให้ตรงกับธุรกิจคุณจริงๆ

ZohoCRM มีฟิลด์ (Field) พื้นฐานไว้ให้ครบ แต่ธุรกิจแต่ละที่มีข้อมูลสำคัญเฉพาะตัว

ถ้าคุณยังกรอกข้อมูลลูกค้าแค่ชื่อ-นามสกุล-เบอร์โทร อันนี้จะเสียโอกาสใหญ่

**เทคนิคนี้ช่วยอย่างไร?**

- กำหนดฟิลด์ที่จำเป็น เช่น ประเภทธุรกิจ งบประมาณ ระยะเวลาตัดสินใจ ฯลฯ

- เพิ่ม Custom Field ที่ทีมขายของคุณต้องใช้จริงๆ

- ลดปัญหาข้อมูลตกหล่น ภาพรวมทีมขายจะ “แม่นยำ” กว่าเดิม

**ตัวอย่าง**

> ถ้าคุณขาย Software B2B อาจสร้างฟิลด์ “ขนาดพนักงาน” หรือ “ระบบคู่แข่งที่ใช้”  

> นี่จะทำให้ทีมขายปิดดีลง่ายขึ้นหลายเท่า

---

2. ตั้งอัตโนมัติ Workflow: ประหยัดเวลาทีมขายไปได้ครึ่งหนึ่ง

งาน Routine น่าเบื่อๆ เช่น ส่งเมลแจ้งรับเคส, อัพเดทสถานะ, หรือย้าย Lead ไปขั้นตอนถัดไป  

ZohoCRM ช่วยคุณทำสิ่งเหล่านี้แบบอัตโนมัติ 100% ด้วย Workflow

**Workflow พื้นฐานที่ห้ามพลาด เช่น**

- อีเมลแจ้งเตือนเมื่อลูกค้าใหม่ถูกสร้างขึ้น  

- เปลี่ยนสถานะ Deal อัตโนมัติจาก “Prospect” เป็น “Qualified” เมื่อชนะดีล

- สร้าง Task ให้ทีมขายเมื่อลูกค้าเปลี่ยนขั้นตอน

วัยรุ่นขายยุคใหม่ ไม่ควรเสียเวลาทำงานเดิมๆ ทุกวันครับ!  

ลองตั้ง Workflow ง่ายๆ สัก 2-3 เรื่อง ใช้ไม่ยากแต่ช่วยทุ่นเวลาอย่างมาก

---

3. Segmentation: แยกกลุ่มลูกค้าแบบมือโปร

ลูกค้าทุกคนไม่เหมือนกัน  

ZohoCRM ให้คุณ “Tag” และ “Filter” ลูกค้า เพื่อแยกกลุ่มและทำ Campaign แบบ Personalize ได้ในพริบตา

**ไอเดียการ Segmentation:**

- กลุ่มลูกค้าขายซ้ำ (Repeat) vs ลูกค้าใหม่

- ผู้มีโอกาสตอบสนองต่อโปรโมชั่นสูง

- ลูกค้า VIP หรือ Top Spender

**ประโยชน์ของการแบ่งกลุ่ม**

- ส่งอีเมล/ข้อเสนอที่ตรงใจแต่ละกลุ่มยิ่งขึ้น

- ทีมขายใช้ Script ที่เหมาะกับแต่ละตลาด

- วิเคราะห์ยอดขายราย Segment ได้ทันที

---

4. ใช้ Mobile App: ขายที่ไหนก็ได้ อัปเดตข้อมูลไวสุด

จะออกไปพบลูกค้าแต่ยังต้องสลับ Excel, โทรถามทีมว่าคุยถึงไหนแล้ว?

แนะนำให้ลอง ZohoCRM Mobile App!  

เข้าได้ทั้งมือถือ Android/iOS ข้อมูลซิงก์กับทีมแบบเรียลไทม์

**ข้อดีสุดๆ**

- บันทึกโน้ตหลังคุยลูกค้าได้ทันที

- อัพเดทสถานะ Lead, Deal แม้เวลานั่ง Taxi หรือรออาหาร

- สแกนนามบัตรจากมือถือเข้าสู่ CRM ระบบได้เลย ไม่ต้องป้อนมือ

**ใครยังไม่เคยใช้ ลองโหลดแอปซะ ชีวิตทีมขายเปลี่ยนทันที!**

---

5. ใช้ Reports & Dashboard อย่างฉลาด ไม่ใช่แค่อ่านตัวเลข

ZohoCRM มีรีพอร์ตและแดชบอร์ดที่พลิกเกมขายคุณได้  

อย่าใช้แค่ดูรายงานยอดขายจบไปวันๆ

**Tips ที่ควรเริ่มต้น**

- สร้างแดชบอร์ด Top Sales, Deal Win Rate, Pipeline มูลค่าสุดท้าย

- กำหนดรีพอร์ต Lead ที่ยังไม่คืบหน้า หรือ Good Lead ที่ค้างนานเกินไป

- แชร์แดชบอร์ดนี้ให้ทั้งทีม – ทุกคนเห็นเป้าหมายเดียวกัน ช่วยกันดันยอด

> รีพอร์ตดีๆ จะสร้างพลังขับเคลื่อน Sales Team ได้มหาศาล

---

6. เชื่อมต่อ ZohoCRM กับเครื่องมืออื่นๆ แบบไร้รอยต่อ

งานขาย–งานการตลาด–งานซัพพอร์ต มักจะต้องใช้หลายระบบ  

ZohoCRM “Integrate” ได้กับอีเมล (Gmail/Outlook), Google Calendar, WhatsApp, Facebook Lead Ads ฯลฯ

**ข้อดี**

- ทุกช่องทางที่ลูกค้าติดต่อคุณ ถูก Track ใน CRM แบบอัตโนมัติ

- ประวัติการขาย–การตลาด–บริการ เห็นครบในที่เดียว

- ลดการโยกย้ายข้อมูล Excel ไปมา (ปัญหาคลาสสิกของหลายบริษัท)

**เริ่มติดตั้ง Integration พื้นฐานก่อน แล้วค่อยขยายตามความต้องการของทีม**

---

7. ใช้ Blueprint เพิ่มมาตรฐาน กระบวนการขายทุกขั้นตอน

หลายทีมหัวหน้ามักบ่นว่าทีมขายแต่ละคน “ขายกันคนละสาย”  

ใครทำได้แบบไหนก็ทำแบบนั้น ไม่มีมาตรฐาน = โอกาสเสียดีลสูงมาก

ZohoCRM มีฟีเจอร์ “Blueprint” ให้คุณสร้าง Flow งานขายที่ทุกคนต้องเดินตาม  

ตั้งแต่รับ Lead –> ติดตาม –> ทดลองสินค้า –> ส่งใบเสนอราคา –> ปิดการขาย

**Benefits**

- ปิดช่องโหว่ งานไม่ตกหล่น

- ลดความผิดพลาดที่เกิดจากมือใหม่

- พาทีมขายทุกคนไปในทิศทางเดียวกัน

**เริ่มจาก BluePrint พื้นฐาน แล้วปรับเพิ่มให้เหมาะกับธุรกิจคุณทีละนิด**

---

สรุป: ZohoCRM ไม่ใช่แค่เซฟชื่อลูกค้า!

หวังว่า 7 เทคนิคนี้จะช่วยให้คุณปลดล็อกพลังของ ZohoCRM ได้มากขึ้น  

ขอเพียงคุณลองหยุดทำงานแบบเดิมๆ แล้วเปิดใจทดลองใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆ เหล่านี้  

ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือหัวหน้าทีมขาย รับรองว่า CRM ตัวนี้จะไม่ใช่โปรแกรมธรรมดาอีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “อาวุธลับ” ทำให้ทีมของคุณเติบโตเหนือคู่แข่ง

ถ้าพร้อมแล้ว… อยากให้ลองเทคนิคไหนก่อนสุด ลองเลือกดูแล้วลงมือเลยครับ!

คุณเคยไหม… ซื้อ ZohoCRM มาแล้ว แต่เหมือนใช้แค่ 10% ของความสามารถจริง?

เปิดหน้าจอเข้าไปก็ยังงงๆ ว่าต้องเริ่มจากตรงไหนดี ระบบมีฟีเจอร์เพียบจนเลือกไม่ถูก

สุดท้ายก็ใช้แค่เซฟชื่อลูกค้า สร้างดีลนิหน่อย แล้วที่เหลือก็ปล่อยผ่าน

หากคุณเคยรู้สึกแบบนี้ บทความนี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยน ZohoCRM จาก “แค่โปรแกรมเซฟข้อมูล” ให้กลายเป็นเครื่องมือขายสุดแกร่ง ที่จะช่วยให้ทีมมีผลงานโดดเด่นกว่าคู่แข่งในเวลาอันรวดเร็ว

นี่คือ 7 เทคนิคการใช้ ZohoCRM ที่มืออาชีพเลือกใช้จริง  

ลองนำไปปรับใช้ รับรองว่าเวิร์คแน่นอนครับ!

---

1. ใช้ Custom Fields ให้ตรงกับธุรกิจคุณจริงๆ

ZohoCRM มีฟิลด์ (Field) พื้นฐานไว้ให้ครบ แต่ธุรกิจแต่ละที่มีข้อมูลสำคัญเฉพาะตัว

ถ้าคุณยังกรอกข้อมูลลูกค้าแค่ชื่อ-นามสกุล-เบอร์โทร อันนี้จะเสียโอกาสใหญ่

**เทคนิคนี้ช่วยอย่างไร?**

- กำหนดฟิลด์ที่จำเป็น เช่น ประเภทธุรกิจ งบประมาณ ระยะเวลาตัดสินใจ ฯลฯ

- เพิ่ม Custom Field ที่ทีมขายของคุณต้องใช้จริงๆ

- ลดปัญหาข้อมูลตกหล่น ภาพรวมทีมขายจะ “แม่นยำ” กว่าเดิม

**ตัวอย่าง**

> ถ้าคุณขาย Software B2B อาจสร้างฟิลด์ “ขนาดพนักงาน” หรือ “ระบบคู่แข่งที่ใช้”  

> นี่จะทำให้ทีมขายปิดดีลง่ายขึ้นหลายเท่า

---

2. ตั้งอัตโนมัติ Workflow: ประหยัดเวลาทีมขายไปได้ครึ่งหนึ่ง

งาน Routine น่าเบื่อๆ เช่น ส่งเมลแจ้งรับเคส, อัพเดทสถานะ, หรือย้าย Lead ไปขั้นตอนถัดไป  

ZohoCRM ช่วยคุณทำสิ่งเหล่านี้แบบอัตโนมัติ 100% ด้วย Workflow

**Workflow พื้นฐานที่ห้ามพลาด เช่น**

- อีเมลแจ้งเตือนเมื่อลูกค้าใหม่ถูกสร้างขึ้น  

- เปลี่ยนสถานะ Deal อัตโนมัติจาก “Prospect” เป็น “Qualified” เมื่อชนะดีล

- สร้าง Task ให้ทีมขายเมื่อลูกค้าเปลี่ยนขั้นตอน

วัยรุ่นขายยุคใหม่ ไม่ควรเสียเวลาทำงานเดิมๆ ทุกวันครับ!  

ลองตั้ง Workflow ง่ายๆ สัก 2-3 เรื่อง ใช้ไม่ยากแต่ช่วยทุ่นเวลาอย่างมาก

---

3. Segmentation: แยกกลุ่มลูกค้าแบบมือโปร

ลูกค้าทุกคนไม่เหมือนกัน  

ZohoCRM ให้คุณ “Tag” และ “Filter” ลูกค้า เพื่อแยกกลุ่มและทำ Campaign แบบ Personalize ได้ในพริบตา

**ไอเดียการ Segmentation:**

- กลุ่มลูกค้าขายซ้ำ (Repeat) vs ลูกค้าใหม่

- ผู้มีโอกาสตอบสนองต่อโปรโมชั่นสูง

- ลูกค้า VIP หรือ Top Spender

**ประโยชน์ของการแบ่งกลุ่ม**

- ส่งอีเมล/ข้อเสนอที่ตรงใจแต่ละกลุ่มยิ่งขึ้น

- ทีมขายใช้ Script ที่เหมาะกับแต่ละตลาด

- วิเคราะห์ยอดขายราย Segment ได้ทันที

---

4. ใช้ Mobile App: ขายที่ไหนก็ได้ อัปเดตข้อมูลไวสุด

จะออกไปพบลูกค้าแต่ยังต้องสลับ Excel, โทรถามทีมว่าคุยถึงไหนแล้ว?

แนะนำให้ลอง ZohoCRM Mobile App!  

เข้าได้ทั้งมือถือ Android/iOS ข้อมูลซิงก์กับทีมแบบเรียลไทม์

**ข้อดีสุดๆ**

- บันทึกโน้ตหลังคุยลูกค้าได้ทันที

- อัพเดทสถานะ Lead, Deal แม้เวลานั่ง Taxi หรือรออาหาร

- สแกนนามบัตรจากมือถือเข้าสู่ CRM ระบบได้เลย ไม่ต้องป้อนมือ

**ใครยังไม่เคยใช้ ลองโหลดแอปซะ ชีวิตทีมขายเปลี่ยนทันที!**

---

5. ใช้ Reports & Dashboard อย่างฉลาด ไม่ใช่แค่อ่านตัวเลข

ZohoCRM มีรีพอร์ตและแดชบอร์ดที่พลิกเกมขายคุณได้  

อย่าใช้แค่ดูรายงานยอดขายจบไปวันๆ

**Tips ที่ควรเริ่มต้น**

- สร้างแดชบอร์ด Top Sales, Deal Win Rate, Pipeline มูลค่าสุดท้าย

- กำหนดรีพอร์ต Lead ที่ยังไม่คืบหน้า หรือ Good Lead ที่ค้างนานเกินไป

- แชร์แดชบอร์ดนี้ให้ทั้งทีม – ทุกคนเห็นเป้าหมายเดียวกัน ช่วยกันดันยอด

> รีพอร์ตดีๆ จะสร้างพลังขับเคลื่อน Sales Team ได้มหาศาล

---

6. เชื่อมต่อ ZohoCRM กับเครื่องมืออื่นๆ แบบไร้รอยต่อ

งานขาย–งานการตลาด–งานซัพพอร์ต มักจะต้องใช้หลายระบบ  

ZohoCRM “Integrate” ได้กับอีเมล (Gmail/Outlook), Google Calendar, WhatsApp, Facebook Lead Ads ฯลฯ

**ข้อดี**

- ทุกช่องทางที่ลูกค้าติดต่อคุณ ถูก Track ใน CRM แบบอัตโนมัติ

- ประวัติการขาย–การตลาด–บริการ เห็นครบในที่เดียว

- ลดการโยกย้ายข้อมูล Excel ไปมา (ปัญหาคลาสสิกของหลายบริษัท)

**เริ่มติดตั้ง Integration พื้นฐานก่อน แล้วค่อยขยายตามความต้องการของทีม**

---

7. ใช้ Blueprint เพิ่มมาตรฐาน กระบวนการขายทุกขั้นตอน

หลายทีมหัวหน้ามักบ่นว่าทีมขายแต่ละคน “ขายกันคนละสาย”  

ใครทำได้แบบไหนก็ทำแบบนั้น ไม่มีมาตรฐาน = โอกาสเสียดีลสูงมาก

ZohoCRM มีฟีเจอร์ “Blueprint” ให้คุณสร้าง Flow งานขายที่ทุกคนต้องเดินตาม  

ตั้งแต่รับ Lead –> ติดตาม –> ทดลองสินค้า –> ส่งใบเสนอราคา –> ปิดการขาย

**Benefits**

- ปิดช่องโหว่ งานไม่ตกหล่น

- ลดความผิดพลาดที่เกิดจากมือใหม่

- พาทีมขายทุกคนไปในทิศทางเดียวกัน

**เริ่มจาก BluePrint พื้นฐาน แล้วปรับเพิ่มให้เหมาะกับธุรกิจคุณทีละนิด**

---

สรุป: ZohoCRM ไม่ใช่แค่เซฟชื่อลูกค้า!

หวังว่า 7 เทคนิคนี้จะช่วยให้คุณปลดล็อกพลังของ ZohoCRM ได้มากขึ้น  

ขอเพียงคุณลองหยุดทำงานแบบเดิมๆ แล้วเปิดใจทดลองใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆ เหล่านี้  

ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือหัวหน้าทีมขาย รับรองว่า CRM ตัวนี้จะไม่ใช่โปรแกรมธรรมดาอีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “อาวุธลับ” ทำให้ทีมของคุณเติบโตเหนือคู่แข่ง

ถ้าพร้อมแล้ว… อยากให้ลองเทคนิคไหนก่อนสุด ลองเลือกดูแล้วลงมือเลยครับ!

Ready to transform your business?

Let’s shape the future of your business together.